“ลามายา กรุ๊ป” และ “ลาโค่ กรุ๊ป” เจ้าของเชน hospitality และธุรกิจเอฟแอนด์บีชื่อดังแห่ง
เขาใหญ่และกรุงเทพฯ สร้างจุดขายแลนด์มาร์ค แหล่งท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวได้ตลอดปี จนประสบความสำเร็จ ภายในเวลาเพียง 4 ปี รายได้ 400 ล้านบาท
โดยธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในปัจจุบันทั้ง 9 แบรนด์ ได้แก่ เครือโรงแรมและร้านอาหารลาโค่ เขาใหญ่ (Lacol Khaoyai) ที่มีบริการครบครันทั้ง ฮิลไซด์ เรสซิเดนซ์ เขาใหญ่ วาริน เวลเนส แอนด์ ออนเซ็น เขาใหญ่ และร้านอาหารมีเอกลักษณ์สไตล์ บาหลี-ซาฟารีชนเผ่า “ลามายา เขาใหญ่” (Lamaya Khaoyai) ร้านอาหารไทยระลึก เขาใหญ่ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดา รวมถึงร้านซาฟารี มัทฉะ บาร์ เขาใหญ่

ในขณะที่ลามายา แบงคอก และลาโค่ แบงคอก ยึดทำเลสุดไพรม์กลางกรุงย่านสุขุมวิท สร้างชื่อเป็นเดสทิเนชั่นยอดนิยมท็อปลิสต์สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย Gen z-y และกลุ่มคู่รัก เล็งสร้างคอมมิวนิตี้ สเปซรวมร้านอาหารในเครือที่กรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้าเปิดสวนสนุก-เฟสติวัล-โชว์ระดับโลก รุกขยายแบรนด์ลาโค่ บูทีค โฮเทล และลา มายา สู่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ 4 ภาคของไทย ภายในระยะเวลา 5 ปี

คุณอริยะ ก่อเกียรติเสถียร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการลามายา กรุ๊ปและลาโค่ กรุ๊ป เผยว่า ได้เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัวอย่างเต็มตัวร่วมกับพี่ชาย ได้ทำการรีแบรนด์โรงแรมรุ่นพ่อเดิมที่เขาใหญ่ โรแมนติก รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ฟังก์ชั่นสำหรับองค์กร เน้นจัดการประชุมสัมมนา ให้เป็นชื่อ ลาโค่ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นการเล่นคำอ่านกลับหลังมาจากคำว่า โลโค่ จากชื่อ จะสื่อสารถึงการเป็นโลโค่ในแต่ละพื้นที่ที่เราจะเปิดให้บริการ ซึ่งลาโค่ในที่นี้ หมายถึง สื่อถึงทั้งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ และภาษาการสื่อสาร โดยได้เข้ามาสร้างแบรนด์ใหม่และเปลี่ยนฐานลูกค้าใหม่ทั้งหมดในปี 2022

“เราเริ่มโปรโมทสถานที่ให้เป็นที่รู้จักจากการทำลานชมภาพยนตร์แบบเอาท์ดอร์ชื่อ Lacol Cinema จนกลายเป็นไวรัลตั้งแต่แรกเปิดให้บริการ คนเริ่มจำได้ จากนั้น จึงครีเอทไอคอนนิก สปอทให้ร้านอาหารของโรงแรม ลาโค่ เขาใหญ่ ให้เป็นโดม เรามองเห็นช่องว่างธุรกิจ เราอยู่เขาใหญ่ เรารู้ว่า ที่นี่ยังไม่มีอะไรเลย คนมาล้นจนเกิดการ turn over จากเดิมที่เขาใหญ่ในช่วงก่อนโควิด มีโรงแรมเกิดเยอะ มีกระแสคาเฟ่ ฮอปปิ้ง เกิดขึ้นเยอะ เราอยากสร้าง Destination Space ที่เขาใหญ่ ที่ไม่อิงกับซีซั่น มีสปา มีโรงแรม มีที่พักให้เลือกที่ตอบโจทย์กลุ่ม Gen z และ y กลุ่มคู่รัก ครอบครัว ซึ่งตั้งแต่รีแบรนด์ รายได้เติบโตกว่า 300% ปัจจุบัน ร้านลาโค่ กลายเป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นยอดฮิตติดอันดับที่คู่รักมาขอแต่งงานมากที่สุด มีคู่รักเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อจองคิวที่ร้าน ซึ่งเรามีบริการช่างภาพถ่ายรูปแบบไพรเวทเพื่อมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดช่วงเวลาสำคัญ”

นอกจากปั้นแบรนด์ลาโค่จนประสบความสำเร็จแล้ว แบรนด์ร้านอาหารลามายา ยังกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายชื่อดัง ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของคอนเซปท์ร้านแบบชนเผ่าที่ตกแต่ง Tribal Zone นำเสนอเมนูอาหารฟิวชั่นแบบ Farm to Table ตลอดจนมีโชว์แสงสีเสียงสร้างความตื่นตาในรูปแบบ World Class Lighting Show และ Jungle Sky Bar (สาขากรุงเทพ) ทำให้หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 3 ปี ลามายา ก็สามารถผงาดขึ้นครองใจ เป็นเดสทิเนชั่นใหม่ หนึ่งในบัคเก็ตลิสต์ดึงดูดนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ คุณอริยะ กล่าวว่า ร้านลามายามองว่าลูกค้าจะเป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว และรองรับกลุ่มต่างชาติ เราถึงนำเสนอออกมาเป็นชนเผ่า นำอะไรที่เล่าได้ไม่เบื่อ ให้ลูกค้าเสพในความหลากหลายได้ ทำในสิ่งที่แตกต่าง มีเราทำเจ้าเดียว เราสามารถขยายธุรกิจให้รับกับสถานที่ เนื่องด้วยปกติ กลุ่มต่างชาติ อาจจะไม่เข้าเขาใหญ่ เราสามารถโปรโมทแบรนดิ้งของร้านให้เป็นจุดขายของเขาใหญ่ได้ เราเห็นโอกาสและต้องการยกระดับ เน้นย้ำความเป็นเดสทิเนชั่นของเครือลาโค่และลามายา เราเปิดที่เขาใหญ่ เดือนพ.ย. 2023 และเปิดที่กรุงเทพเดือนพย. 2024 ซึ่งสาขานี้ เราให้บริการตั้งแต่อาฟเตอร์นูน ที ในช่วงบ่ายไปจนถึงไลฟ์ แจ๊ซ แบนด์ exclusive club จากดีเจ Lamaya fire show, Lamaya mapping show ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของลามายาที่รู๊ฟ ท็อป บาร์

ผู้บริหารลา มายา กรุ๊ปและลาโค่ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หลักในการทำธุรกิจของเรา คือ มอบประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหน โชว์ที่ กทม. กับเขาใหญ่ก็จะไม่เหมือนกัน เป็น Journey experience ที่เข้ามาแล้วคนได้ผจญภัย ด้วยธีมของร้าน vibes ที่เปรียบเทียบไม่ได้ เราทำให้ร้านลามายา รองรับในแต่ละเวลา อาหาร การบริการ โชว์ คอนเซปท์ด้านนอกร้านเล่นดีเจอยู่ แต่ข้างในร้านเป็นดนตรีแจ๊ซ ถ้าร้านสาขาที่เขาใหญ่ เราจะทำ bundle ได้กับทุกร้านในเครือโรงแรมลาโค่ สามารถนำมาเป็นส่วนลดได้ 10% เรามองว่า ลามายาต่อยอดได้หลายเรื่อง เราตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้สร้าง destination experience ของแวดวง F&B ในไทย และคาดว่าจะเปิดลามายา เพิ่มอีก 1-2 สาขา ที่ จ.เชียงใหม่และภูเก็ต อยากให้แบรนด์เป็น global brand

กรรมการผู้จัดการลามายา กรุ๊ปและลาโค่ กรุ๊ป เปิดเผยด้วยว่า ตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปี เราจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ โดยเราจะนำแบรนด์โรงแรมลาโค่ไปเปิดเป็นบูทีค โฮเทลตามจังหวัดหัวเมืองในไทย รวมถึงร้านอาหารลาโค่ด้วย เตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 สาขา ที่ จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี (พัทยา) อีกทั้งเรากำลังจะทำธีม พาร์คขนาดใหญ่ พื้นที่ 22 ไร่ที่เขาใหญ่ พร้อมกับตั้งใจที่จะยกระดับการจัดงานช่วงเทศกาลที่เขาใหญ่ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ในลักษณะที่รวมผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงเตรียมจะสร้างสรรค์โชว์ระดับโลก โดยฝีมือคนไทยขึ้นในจังหวัดแม่ 4 จังหวัดในแต่ละภาค

“ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร เรากำลังศึกษาที่จะแตกไลน์ F&B ให้มีมาตรฐานมากขึ้น ที่ผ่านมา ร้านอาหารในเครือของเราที่เขาใหญ่ได้รับการจัดอันดับเรตติ้งมากที่สุดในเขาใหญ่สูงสุดทุกร้าน ในระดับ 4.8 ขึ้นไปทั้งหมด (จาก 5) ของ google review และเราเตรียมจะขยายแบรนด์ที่เขาใหญ่ มากทม. ทั้งแบรนด์ ซาฟารี มัทฉะ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดาที่กำลังจะเปิดอีก 3-4 สาขา รวมถึงทำ cloud kitchen ด้วย ส่วนร้านอาหารไทย แบรนด์ระลึก กำลังจะเปิดในกรุงเทพ เร็วๆนี้ ในย่านบางนา ซึ่งจะมีคอมมิวนิติตี้ สเปซของเครือเราเอง”