อนันตรามุ่งหน้าขยายธุรกิจในตลาดยุโรปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเพื่อสร้างประสบการณ์อันล้ำค่าผ่านสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นคาปูชิน ไฟรเออร์ คอนแวนต์ (Cappuccini Friars Convent) บ้านพักนักบวชในช่วงศตวรรษที่ 13 ตั้งอยู่ในเมืองตากอากาศยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอิตาลี

โดย อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล (Anantara Convento di Amalfi Grand Hotel) พร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกด้วยห้องพักและห้องสวีทสุดอลังการ ซึ่งได้รับการปรับโฉมใหม่แต่ยังคงเสน่ห์และความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังมีคอนเซ็ปต์ห้องอาหารสุดตื่นตาตื่นใจ และสปาระดับโลก ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับวิวพาโนรามาของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

แขกผู้เข้าพักสามารถเดินเพียง 15 นาทีไปยังใจกลางเมืองอมาลฟี่ และใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 90 นาทีจากสนามบินนานาชาติเนเปิลส์ โดยโรงแรมแห่งนี้มุ่งมั่นที่จะสร้างความสมดุลที่ลงตัวของการเป็นสถานที่พักผ่อนที่แสนเงียบสงบ และในขณะเดียวกันยังคงเป็นสถานที่ที่ทรงคุณค่าทางศาสนา การบูรณะอาคารอายุกว่า 800 ปี อย่างประณีตเพื่อรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงระเบียงทางเดินที่แสนวิจิตร โบสถ์สไตล์บาโรก (Baroque) แท่นบูชาที่ทำจากหินอ่อน พื้นกระเบื้องมาจอลิกา (Majolica) และยังมีการอนุรักษ์ส่วนหน้าของอาคารพร้อมการทะนุบำรุงเพื่อคงวัสดุและสีดั้งเดิมไว้อย่างดีที่สุด นอกจากนี้ การออกแบบภายในได้รับแรงบันดาลใจมาจากโรงเรียนคอนแวนต์ และการใช้ชีวิตของช่างฝีมือที่เรียบง่ายของผู้อาศัยเดิมในสถานที่แห่งนี้ ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ไม้ หนัง เส้นใยธรรมชาติ และโลหะล้ำค่าต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดถูกผสมผสานให้เข้ากันอย่างหรูหราตามแบบฉบับของอนันตราได้อย่างลงตัว

ห้องพักและห้องสวีท 52 ห้อง เดิมเคยเป็นห้องพักของเหล่านักบวช โดดเด่นด้วยพื้นกระเบื้องดั้งเดิม เพดานโค้งมน และผนังปูนขาวเพื่อความรู้สึกสงบและเรียบง่าย สอดผสานเข้ากันกับสิ่งทอชั้นดี เฟอร์นิเจอร์แกะสลัก ศิลปะท้องถิ่น ความสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงาม ห้องสวีท เดล พริออร์ (Suite Del Priore) ซึ่งตั้งชื่อตามประวัติเดิมที่เคยเป็นโรงเรียนคอนแวนต์มาก่อน มีจิตรกรรมฝาผนังเหนือเตียงสี่เสาอันงดงาม มองเห็นทิวทัศน์ของระเบียงโบราณ ในขณะที่ห้องสวีท เดล เลเรมิตา (Suite Dell’Eremita) เดิมเป็นห้องพักนักบวช มอบความเป็นส่วนตัว และรายล้อมไปด้วยความโรแมนติกอันหอมกรุ่นของสวนมะนาวอันเงียบสงบ

นอกจากนี้ อนันตรา สปา (Anantara Spa) ซึ่งได้รับการการันตีด้วยรางวัลมากมาย จะตั้งอยู่ในพื้นที่สุดพิเศษที่แสนเงียบสงบ ตกแต่งด้วยหินทราเวอร์ทีน (travertine-clad) มองเห็นวิวทะเลอันกว้างใหญ่ โดยมีห้องทรีตเมนต์ทั้งหมด 3 ห้อง

พร้อมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและสร้างประสบการณ์สปาและการดูแลสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการนวดซิกเนเจอร์ คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ ที่ใช้น้ำมันซิตรัส (Citrus Oil) เพื่อฟื้นฟูร่างกาย การนวดเพื่อคืนความผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังมี ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ซึ่งมีอุปกรณ์สุดพรีเมียมจากแบรนด์ TechnoGym ให้แขกได้ออกกำลังกายพร้อมรับลมทะเลและสระว่ายน้ำริมหน้าผาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโรงแรม

ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล เปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองอย่างหนึ่ง ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถันโดยปรมาจารย์ชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงอย่างหัวหน้าเชฟจากร้าน เดย์ คาปูชินนี่ (Dei Cappucinni) คุณคลอดิโอ้ ลานูโต (Claudio Lanuto) นำเสนอคอนเซ็ปต์ห้องอาหารแบบคอนแวนต์ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลซึ่งปลูกจากสวนภายในโรงแรมมาเป็นจุดเด่นของเมนูอาหารแบบ a-la-carte ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารของนักบวช รวมไปถึงเทสติ้งเมนู (Tasting menu) ของห้องอาหาร คุณคลอดิโอ้ยังเผยเคล็ดลับความอร่อยในการทำอาหารท้องถิ่นของเขาผ่านคลาสเรียนทำอาหาร สไปซ์ สปูนส์ (Spice Spoons) อีกหนึ่งประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมอนันตรา

ร้านอาหาร ลา โลกานดา เดลา กาโนนิช่า พิซซ่าเรีย (La Locanda della Canonica Pizzeria) โดยเชฟ จิโน่ ซอร์บิลโล (Gino Sorbillo) นำเสนอ 8 เมนูพิซซ่าซิกเนเจอร์ ซึ่งถูกรังสรรค์โดย พิซซ่า แอมบาสเดอร์ ระดับโลกผ่านเรื่องราวของแคว้นคัมปาเนีย (Campania) โดยเชฟจิโน่เชิญชวนนักชิมทุกท่านมาลิ้มลองรสชาติท้องถิ่นของภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นปลาแอนโชวี่จากเมืองเซทาร่า (Cetara) ชีสโปรโวโลเน (Provolone) จากเมืองโมนาโก รวมถึงชีสมอสซาเรลล่าและชีสริคอตต้าจากเมืองอะเกรโรล่า (Agrerola)

นอกจากการให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งของโรงแรม แบรนด์อนันตราเองยังคงเน้นย้ำในการนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครผ่านไกด์ท้องถิ่น (Guru) โดย อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล นำเสนอประสบการณ์ที่ครอบคลุมทั้งในด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ ศาสตร์การทำอาหารและอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสทางเดินของพระเจ้า (The Path of the Gods) หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า เซ็นเตียโร่ เด็คกรี เดย์ (Sentiero Degli Dei) เป็นเส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจตามแนวเทือกเขาลัททารี (Latteri) เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของคาบสมุทรซอร์เรนตีเน (Sorrentine Peninsula) และเกาะคาปรี (Capri Island) นอกจากนี้ ยังมีการเดินทางโดยรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ส่วนตัวไปยังปอมเปอี (Pompei) และเฮอร์คิวเลเนียม (Herculaneum) เพื่อรับชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของโรมันที่ยังหลงเหลืออยู่

ในส่วนของประสบการณ์ด้านอาหารอันน่าตื่นตาตื่นใจยังมีให้เลือกสรรมากมายที่อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคลาสเรียนทำอาหารในสวนมะนาว หรือทัวร์ชมประวัติศาสตร์ของไร่องุ่นพร้อมลิ้มรสไวน์ชั้นเลิศ

ทั้งยังมี ไดนิ่ง บาย ดีไซน์ (Dining by Design) ดินเนอร์ที่มีความเป็นส่วนตัวสุดโรแมนติกสำหรับคู่รักที่เปิดประสบการณ์ให้แขกผู้เข้าพักได้ลิ้มรสกับเมนูสุดพิเศษที่รังสรรค์โดยเชฟในบรรยากาศเหนือระดับพร้อมบริกรส่วนตัว

ดื่มด่ำไปกับการท่องเที่ยวชมหาดอมาลฟี่ด้วยรถตุ๊กๆ วินเทจพร้อมไกด์ส่วนตัว แวะชมหมู่บ้านโปซีตาโน (Positano) และเมืองราเวลโล (Ravello) หรือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวชมความอลังการของสถาปัตยกรรมเมืองโปซีตาโน (Positano) และ ซอร์เรนโต (Sorrento) จากมุมสูง นอกจากนี้ยังสามารถล่องเรือส่วนตัวสุดโรแมนติกไปตามชายฝั่ง พร้อมเพลิดเพลินไปกับโปรเซคโก้ (Prosecco) และชมพระอาทิตย์ตกที่เกาะคาปรี (Capri)

อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี่ แกรนด์ โฮเต็ล เป็นโรงแรมแห่งที่สองในเครืออนันตราที่เปิดให้บริการในประเทศอิตาลี และเป็นโรงแรมแห่งที่แปดในภูมิภาคยุโรป หลังจากที่ได้เปิดให้บริการ โรงแรม อนันตรา ปาลัซโซ ไนยาดี โรม ไปก่อนหน้านี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อนันตรา คอนเวนโต ดิ อมาลฟี แกรนด์ โฮเต็ล ได้ที่ https://www.anantara.com/en/convento-di-amalfi