“หัวเว่ย” ประกาศเปิดตัวโซลูชันระดับองค์กร AirFlash Microwave แบบฟูลแบนด์ มอบการเชื่อมต่อไร้สายความเร็วสูงด้วยสัญญาณไมโครเวฟรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ การศึกษา เฮลธ์แคร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ธุรกิจคมนาคม รวมถึงพลังงาน

การสื่อสารไร้สายแบบบรอดแบนด์ด้วยสัญญาณไมโครเวฟ เป็นหนึ่งในสามระบบการสื่อสารที่เทียบเท่ากับระบบใยแก้วนำแสงและดาวเทียม ช่วยให้เข้าถึงปริมาณข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วด้วยแบนด์วิดท์ขนาดหลายร้อยเมกะบิตต่อวินาที (Mbit/s) และการรับส่งข้อมูลผ่านเส้นทาง Backbone ของระบบเครือข่ายได้สูงสุดถึง 20 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s) ตัวระบบไมโครเวฟยังสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิศวกรรมไฟเบอร์และสายเคเบิลที่ซับซ้อน รวมถึงมีแบนด์วิดท์สูงและมีต้นทุนในการติดตั้งสายต่ำ ควบคู่ไปกับบริการเครือข่ายส่วนตัวที่ยืดหยุ่น ทำให้สัญญาณไมโครเวฟถือได้ว่าเป็น “ใยแก้วนำแสงทางอากาศ” ที่มองไม่เห็น

สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่มแล้ว การใช้งานระบบสื่อสารต่างอาศัยความความชาญฉลาดและขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เครือข่ายผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีระบบที่รองรับความจุข้อมูลขนาดใหญ่ ความครอบคลุมกว้าง ปลอดภัยสูง และความน่าเชื่อถือสูง โซลูชัน AirFlash Microwave ของหัวเว่ย ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้โซลูชันดังกล่าว จึงเป็นวิธีที่ดีในการเชื่อมต่อไร้สายที่มีความจุสูงในพื้นที่ที่การเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์และแบบมีสายอื่น ๆ มีค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลานานในการสร้าง และดูแลรักษายาก

งานเปิดตัวครั้งนี้ได้รวมเอาคู่ค้าและลูกค้ามากกว่า 693 รายจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ “การเชื่อมต่อความชาญฉลาดแห่งอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ” ด้วยโซลูชันสัญญาณไมโครเวฟของหัวเว่ย

นายเดนเวอร์ ชาง รองประธานฝ่ายการตลาดไร้สายและการขายโซลูชันประจำกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ของหัวเว่ย ได้สรุปแนวโน้มการพัฒนาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสัญญาณไมโครเวฟ ว่า “ในระหว่างงาน Mobile World Congress (MWC) 2021 ที่เซี่ยงไฮ้ องค์กรกำกับดูแลมาตรฐานการสื่อสารอย่าง Global System for Mobile Communications Association (GSMA) ได้เผยแพร่รายงานภายใต้ชื่อ Microwave Backhaul Evolution and Spectrum โดยเน้นบทบาทสำคัญและทิศทางทางเทคนิคของสัญญาณไมโครเวฟ สำหรับองค์กรที่มีโครงสร้างพื้นฐานใยแก้วนำแสงที่ไม่ดีนัก โซลูชันไมโครเวฟถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการสร้างสมดุลระหว่างต้นทุน เวลาเปิดตัวบริการ และประสิทธิภาพของเครือข่าย”

นายชาง ยังได้กล่าวถึงแนวทางที่หัวเว่ยได้ส่งเสริมความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมสัญญาณไมโครเวฟด้วย โดยในแต่ละปี หัวเว่ยได้ลงทุนประมาณ 12% ของรายได้จากสัญญาณไมโครเวฟในการวิจัยและพัฒนา และได้สร้างทีมเจ้าหน้าที่วิจัยสัญญาณไมโครเวฟมากกว่า 1,100 คนทั่วโลกโดยเฉพาะ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยยังคงเป็นผู้นำตลาดสัญญาณไมโครเวฟอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งตลาดสัญญาณไมโครเวฟทั่วโลกของหัวเว่ยในปีที่ผ่านมามีมากถึง 27.45% นอกจากนี้ หัวเว่ยยังคงมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมสัญญาณไมโครเวฟ สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรม และช่วยสร้างพันธมิตรการส่งคลื่นสัญญาณมิลลิมิเตอร์เวฟ (mmWave) ซึ่งเติบโตขึ้นจากสมาชิกผู้ก่อตั้งจำนวน 9 ราย จนกลายเป็น 45 รายในปัจจุบัน

นายแบรนดอน อู๋ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกของหัวเว่ย เน้นย้ำถึงความต้องการเร่งด่วนสำหรับการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจัดการกับผลกระทบต่อเนื่องของโควิด-19 โซลูชันระดับองค์กร AirFlash Microwave ของหัวเว่ย สามารถรองรับการปรับใช้ที่รวดเร็วและคุ้มค่า ใช้งานและบำรุงรักษาได้ง่ายในสถานการณ์ต่างของอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงสามารถนำไปใช้อย่างแพร่หลายเพื่อมอบบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมแก่ผู้ใช้ในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงหมู่บ้าน โรงเรียน และพื้นที่อยู่อาศัยห่างไกล ส่วนแบ่งตลาดสัญญาณไมโครเวฟของหัวเว่ยมีมากกว่า 30% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบล่าสุดนี้จะเพิ่มทางเลือกสำหรับอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการในการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ไร้สาย

โซลูชัน AirFlash Microwave สำหรับองค์กรของหัวเว่ย ยกระดับความครอบคลุมของบรอดแบนด์ภายในบ้าน องค์กร โรงเรียน และสถานที่ทำงานของภาครัฐที่อยู่ทางไกล

นายแฮร์รี่ ชาง ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโสของหัวเว่ย ไมโครเวฟ อธิบายถึงความสามารถของผลิตภัณฑ์และสถานการณ์การใช้งานต่าง ๆ ของโซลูชัน AirFlash Microwave

· โซลูชันการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ไร้สาย: เครือข่าย Point To Point (PTP) และ Point To Multipoint (PTMP) ที่ยืดหยุ่น รองรับการติดตั้งแบบ Zero-footprint เหมาะสำหรับการส่งข้อมูลแบบ Backhaul ที่รวดเร็วและเสถียร

· โซลูชันการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างรถไฟสู่พื้นดินที่ล้ำสมัย: ผลิตภัณฑ์ mmWave ที่ใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5G มอบปริมาณการทำงานสูงสุดที่ 1.7 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s) พร้อมการเชื่อมต่ออัตโนมัติเต็มรูปแบบสำหรับการอัปโหลดข้อมูลขนาดใหญ่ของรถไฟไปยังสำนักงานภาคพื้นดิน

· รองรับช่องสัญญาณ backhaul แบบเสถียรที่ความเร็ว 100+ เมกะบิตต่อวินาที (Mbit/s) หรือ Synchronous Transport Module ระดับ 1 (STM-1) ตลอดระยะทางหลายสิบกิโลเมตรสำหรับบ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง: โซลูชันการติดตามด้วยลำแสงอัจฉริยะนอกชายฝั่งที่นำเอาแพลตฟอร์มการติดตามด้วยลำแสงอันทันสมัยมาใช้ร่วมกับแถบสัญญาณไมโครเวฟแบบดั้งเดิม รองรับช่องสัญญาณ backhaul แบบเสถียรที่ความเร็ว 100+ เมกะบิตต่อวินาที (Mbit/s) หรือ STM-1 ตลอดระยะทางหลายสิบกิโลเมตรสำหรับบ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง กำจัดช่องโหว่ด้านความครอบคลุมของบริการเครือข่ายมือถือ

· โซลูชัน E-band ระยะไกล (บนคลื่นความถี่ 80 GHz) ให้ค่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 12 dB: ขับเคลื่อนด้วยการติดตามลำแสงอัจฉริยะและเทคโนโลยีกำลังส่งสูง โซลูชันนี้สามารถขยายระยะการส่งสัญญาณไมโครเวฟ E-band ได้ถึง 30% ด้วยความจุขนาดใหญ่พิเศษที่ 10-20 กิกะบิตต่อวินาที (Gbit/s) ในพื้นที่ฝนตกหนักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

· แพลตฟอร์ม Network Cloud Engine (NCE): ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่และระบบการจัดการเครือข่ายบนคลาวด์ (NMS) รองรับเครือข่ายสัญญาณไมโครเวฟแบบครอบคลุมและการจัดการข้ามโดเมนอัจฉริยะ ผสานรวมอุปกรณ์เราเตอร์ IP สัญญาณไมโครเวฟออปติก มอบการกำหนดค่าแบบอัตโนมัติและแสดงภาพ บริการอัจฉริยะ และการวินิจฉัยข้อผิดพลาด

นายจอร์จ หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของหัวเว่ย ไมโครเวฟ ยังได้เผยนวัตกรรมใหม่และกระบวนการทดสอบความน่าเชื่อถือผ่านการสาธิตด้วยระบบ AR ส่งตรงจากห้องทดลอง Microwave Cloud Innovation Lab ไฮไลท์ประกอบด้วยหน่วยอุปกรณ์กลางแจ้ง 4-in-1 Outdoor Device Unit (ODU), เสาอากาศแบบแยกส่วนและการเปลี่ยนความถี่, Multiple-Input Multiple-Output (MIMO) ระดับชั้นนำแห่งอุตสาหกรรม และการทดสอบความน่าเชื่อถือของสัญญาณไมโครเวฟที่อุณหภูมิสูงและต่ำ รวมทั้งในสเปรย์เกลือและอุโมงค์ลม

โซลูชันสัญญาณไมโครเวฟ AirFlash Microwave ของหัวเว่ย มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเชื่อมต่อไร้สายแบบไร้สัมผัส มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้สำหรับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถก้าวสู่ความเป็นดิจิทัลและความชาญฉลาดได้อย่างราบรื่น